บทความ

เสียเก่ง! 6 อาการรถเสียที่เป็นบ่อย พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้น

ทุกวันนี้ นอกจากรถไฟฟ้าที่พร้อมจะเสียจากการใช้งานเป็นประจำแล้ว เชื่อได้ว่าหากเราต้องใช้งานรถยนต์แทบทุกวัน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่มันจะเกิดปัญหา และพร้อมที่จะทำให้เราตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน วันนี้เราลองมาดูอาการรถเสียในแบบต่างๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับรถของพวกเรา พร้อมกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปด้วยกัน
 

1.สตาร์ทติดยาก

การสตาร์ทไม่ติด หรือสตาร์ทติดยาก เป็นอาการเสียแบบเบสิคของรถที่ทุกคนจะต้องเจอ หากรถมีอายุประมาณ 2-3 ปี อาจเกิดจากการที่แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ ไดสตาร์ท หรือระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีปัญหา หรืออาจเกิดจากหัวเทียนถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน จึงไม่สามารถประจุไฟให้เครื่องยนต์ติดได้ ซึ่งหากเป็นการสตาร์ทติดยาก คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่นอกจากการลองพยายามสตาร์ทหลายๆ ครั้ง ดูก่อน แต่หากทำแล้วยังไม่ติด การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการขอจั๊มป์แบตเตอรี่จากรถยนต์คันอื่นก็คงเป็นทางออกสุดท้ายที่เราต้องทำ แต่ไม่ว่าจะเกิดอาการแบบไหน เราก็ควรพารถคู่ใจของเราเข้าศูนย์เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกที เพื่อจะได้ทราบอาการที่แท้จริง

 

2.ช่วงล่างแข็งกระด้าง

หากกำลังขับรถ แล้วความรู้สึกนุ่มนวลที่ควรจะมีหายไป หรือบางทีก็มีเสียงแปลกๆ จากช่วงล่าง เราควรเริ่มจากการตรวจสอบที่โช้คอัพดูก่อน ให้ลองก้มลงไปดู และสัมผัสที่ตัวโช้คว่า มีน้ำมันไหลออกมาหรือไม่ (ถ้ามีจะเหนียวๆ เปียกๆ) เพราะโช้คอาจจะรั่วได้

หรือเมื่อใช้ยางไปจนครบระยะ เนื้อยางจะเกิดอาการแข็งทำให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลง ให้ลองตรวจสอบสภาพยาง เช็คลมยาง เพื่อหาสาเหตุเบื้องต้น ก่อนที่จะพาไปเช็คอย่างละเอียดอีกทีที่ศูนย์ของรถคุณ

 

3.มีเสียงดังแปลกๆ

หากได้ยินเสียงแปลกๆ ให้ลองตั้งใจฟังดูว่า เสียงที่ได้ยินมาจากส่วนไหนของรถ เช่น หากเบรคแล้วได้ยินเสียง อาจเป็นเพราะผ้าเบรคหมด หรือถ้าได้ยินที่เครื่องยนต์ อาจเกิดจากสายพานรถเสื่อมสภาพ หรือถ้าเป็นที่จุดอื่นๆ ต้องลองนำรถเข้าไปให้ช่างดู แล้วพยายามบอกให้ถูกต้องว่าได้ยินจากตรงจุดไหน เพื่อที่ช่างจะได้แก้ไขให้ได้อย่างตรงจุด

 

4.เครื่องสั่นจนดับ

เมื่อขับไปเรื่อยๆ แล้วเครื่องเกิดอาการสั่นจนดับ ให้ลองทดสอบด้วยการเร่งเครื่องแรงๆ เนื่องจากเครื่องยนต์อาจเดินรอบได้ไม่ถูกต้อง แต่หากลองแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็ควรนำรถเข้าอู่ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

 

5.รถมีควันสีขาว

อาการควันขาวที่พบได้ทั่วไป อาจเกิดมาจากการที่เครื่องยนต์เผาไหม้ได้ไม่หมด ทำให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปในห้องเผาไหม้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปมักจะเกิดจากการเสื่อมสภาพ หรือชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เกิดความเสียหาย ทั้งซีลรั่ว ฝาสูบคด แหวนลูกสูบเสื่อมสภาพ ซึ่งอาการนี้ รถจะยังสามารถใช้งานได้อยู่เป็นปกติ แต่ก็ไม่ควรปล่อยเอาไว้นานจนเกินไป เพราะอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้เช่นกัน

 

6.ได้กลิ่นเหม็นไหม้

เป็นอาการที่ค่อนข้างจะอันตราย อย่างแรกที่เราควรทำเมื่อได้กลิ่นเหม็นไหม้ก็คือการจอดรถในทันที เพราะถ้าฝืนขับต่อไป อาจเกิดความเสียหายที่ร้ายแรงตามมา ซึ่งกลิ่นไหม้นั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • ผ้าเบรกไหม้เนื่องมาจากผ้าเบรคหมด

  • สายพานไหม้​หรือขาด ซึ่งอาจจะทำให้รถดับกลางทาง

  • ท่อไอเสียรั่วหรือแตก ความร้อนของไอเสียอาจไปโดนสายไฟของรถ
    จนเกิดการช๊อต และมีกลิ่นไหม้

  • ระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในรถขัดข้อง จนเกิดการช๊อต

  • เครื่องยนต์มีปัญหาความร้อน จนลูกสูบไหม้

 

อย่าลืมนะครับว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ฉะนั้นการทำประกันรถยนต์เอาไว้ เพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับรถคู่ใจของเรา จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด หากสนใจประกันรถยนต์ออนไลน์ หรืออยากสอบถามข้อมูล ตลอด 24 ชั่วโมง คลิกเลยที่! https://insure.724.co.th